บริการ IT Outsource แบบ On-site หรือ Remote Support?

On-site vs. Remote Support
บริการดูแลระบบไอทีแบบไหนที่เหมาะกับคุณที่สุด?
ในยุคที่รูปแบบการทำงานเปลี่ยนไปเป็นแบบ Hybrid มากขึ้น คำถามที่ผู้บริหารและฝ่ายจัดซื้อหลายท่านสงสัยเมื่อต้องการใช้ บริการ IT Outsource คือ "เราควรจ้างแบบไหนดี?" ระหว่างการให้เจ้าหน้าที่เข้ามานั่งประจำที่ออฟฟิศ (On-site) หรือการให้เจ้าหน้าที่รีโมทเข้ามาแก้ปัญหาจากระยะไกล (Remote)
คำตอบของเรื่องนี้ไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว เพราะแต่ละองค์กรมี Workflow และโครงสร้างพื้นฐานที่ต่างกัน บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกข้อดีและข้อจำกัดของทั้งสองรูปแบบ เพื่อให้คุณเลือก IT Outsource ได้ตรงโจทย์ธุรกิจที่สุดครับ
1. On-site Support: ใกล้ชิด อุ่นใจ แก้ไขถึงลูกถึงคน
รูปแบบนี้คือการจ้าง พนักงาน IT Outsource ให้เดินทางมาปฏิบัติงานที่สำนักงานของคุณตามวันและเวลาที่กำหนด (เช่น จันทร์-ศุกร์ หรือสัปดาห์ละ 3 วัน)
- ข้อดี:
- แก้ปัญหา Hardware ได้ทันที: หากคอมพิวเตอร์เปิดไม่ติด, ปริ้นเตอร์กระดาษติด หรือสายแลนขาด ปัญหาทางกายภาพเหล่านี้ Remote ทำไม่ได้ แต่คนหน้างานจัดการได้ทันที
- สื่อสารง่าย: การได้คุยกับคนจริงๆ ช่วยลดความเข้าใจผิด User สามารถเดินไปตามงานหรืออธิบายอาการเสียได้ชัดเจนกว่า
- ความปลอดภัย: เหมาะกับองค์กรที่มีข้อมูลความลับสูงและไม่อนุญาตให้มีการเชื่อมต่อจากภายนอกเข้ามา (Closed System)
- เหมาะกับใคร?: โรงงานอุตสาหกรรม, องค์กรขนาดใหญ่ที่มี User จำนวนมาก, หรือธุรกิจที่ใช้อุปกรณ์ต่อพ่วงเยอะๆ
2. Remote Support: รวดเร็ว ประหยัด ไร้พรมแดน
รูปแบบนี้คือการใช้ บริการ IT Outsource ผ่านช่องทางออนไลน์ ทีมงานจะนั่งอยู่ที่ศูนย์บัญชาการ (Operation Center) และรีโมทหน้าจอเข้ามาแก้ปัญหาเมื่อได้รับแจ้ง
- ข้อดี:
- ความเร็วระดับวินาที: เมื่อเกิดปัญหา software หรืออีเมลใช้งานไม่ได้ เจ้าหน้าที่สามารถรีโมทเข้ามาดูได้ทันทีภายในไม่กี่นาที ไม่ต้องรอเดินทางฝ่ารถติด
- ประหยัดค่าใช้จ่าย: ค่าบริการมักถูกกว่าแบบ On-site เพราะไม่มีต้นทุนการเดินทางและค่าตัวพนักงานที่ต้องมานั่งประจำ
- ความเชี่ยวชาญหลากหลาย: การรีโมทมักทำโดยทีมงานหลายคน หากคนแรกแก้ไม่ได้ ก็สามารถส่งต่อให้ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน (Specialist) ในทีมช่วยดูต่อได้ทันที
- เหมาะกับใคร?: บริษัท Software, สตาร์ทอัพ, องค์กรที่ใช้ระบบ Cloud เป็นหลัก หรือ SME ที่มีงบประมาณจำกัด
3. Hybrid Model: ทางเลือกที่ลงตัวที่สุด?
ปัจจุบัน ธุรกิจส่วนใหญ่นิยมใช้รูปแบบผสมผสาน คือจ้าง พนักงาน IT Outsource แบบ Remote สำหรับงานแก้ไขปัญหารายวัน (Daily Helpdesk) เพื่อความรวดเร็ว แต่มีสัญญาให้เจ้าหน้าที่เข้ามา On-site เดือนละ 1-2 ครั้ง เพื่อตรวจเช็กสภาพ Hardware (Preventive Maintenance) และจัดการงานที่รีโมทไม่ได้
สรุป: เลือกให้เหมาะกับ Workflow
- ถ้าธุรกิจของคุณ "เน้นเครื่องจักรและอุปกรณ์" หรือ User ไม่เก่งไอที -> เลือก On-site
- ถ้าธุรกิจของคุณ "ทำงานบน Cloud" และต้องการความไว -> เลือก Remote
ไม่ว่าคุณจะเลือกรูปแบบใด หัวใจสำคัญคือการเลือกผู้ให้บริการ IT Outsource ที่มีมาตรฐาน มีระบบติดตามงานที่ตรวจสอบได้ และพร้อมยืดหยุ่นปรับเปลี่ยนบริการไปพร้อมกับการเติบโตของบริษัทคุณครับ
สารบัญ
related blogprocess
บทความอื่น ๆ ที่คุณอาจสนใจ




